สองเหตุการณ์ใหญ่ในสัปดาห์เดียวกัน สะเทือนวงการ IT โลก
ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกธุรกิจต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง หลังจากเกิด เหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ต่อสององค์กรระดับโลก ทั้ง Asahi Group Holdings ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเบียร์ของญี่ปุ่น และ Red Hat , ผู้นำด้าน Open Source Software จากสหรัฐฯ ทั้งสองกรณีสะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ แม้แต่บริษัทที่มีระบบ IT ที่เข้มแข็งและเป็นผู้นำเทคโนโลยีเองก็ตาม
กรณี Asahi : Ransomware ทำโรงงานหยุดการผลิตทั่วญี่ปุ่น
Asahi ยืนยันว่าเหตุการณ์ระบบล่มที่เกิดขึ้นในต้นเดือนตุลาคมมีสาเหตุมาจาก การโจมตีด้วย Ransomware ซึ่งทำให้ต้อง หยุดสายการผลิตชั่วคราว และ เปลี่ยนมาดำเนินการด้วยระบบแมนนวล (Manual Operation)
ข้อมูลจาก BleepingComputer ระบุว่า แฮกเกอร์สามารถเข้าระบบเซิร์ฟเวอร์หลัก และอาจมีการ ขโมยข้อมูล (Data Theft) ออกไปด้วย ซึ่งขณะนี้ทีมฉุกเฉินของ Asahi กำลังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อกู้คืนระบบและประเมินความเสียหาย เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า การโจมตี Ransomware ไม่เพียงเข้ารหัสข้อมูล แต่ยัง กระทบต่อกระบวนการผลิตและความเชื่อมั่นของลูกค้าโดยตรง
กรณี Red Hat : แฮกเกอร์เจาะระบบ GitLab ขโมยข้อมูลภายในกว่า 570GB
เพียงไม่กี่วันถัดมา บริษัท Red Hat ก็ออกมายืนยันว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหลจากระบบ GitLab ภายในของแผนก Consulting หลังกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า Crimson Collective อ้างว่าได้ขโมยข้อมูลไปกว่า 570GB จากกว่า 28,000 repository ภายในสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงเอกสาร Customer Engagement Reports (CERs) ซึ่งอาจมีรายละเอียดระบบเครือข่าย, การตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐาน, Token ยืนยันตัวตน และข้อมูลสำคัญของลูกค้าหลายองค์กร เช่น Bank of America , T- Mobile , AT&T , Mayo Clinic , Walmart , FAA, และแม้แต่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ Red Hat ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบเฉพาะระบบภายในของแผนก Consulting เท่านั้น และไม่ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการหลักของบริษัท แต่เหตุการณ์นี้ก็ชี้ให้เห็นถึง ความเสี่ยงในซัพพลายเชนของซอฟต์แวร์ (Software Supply Chain Attack) ซึ่งกำลังกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์ทั่วโลก
QuickServ มองเห็นภาพชัด : ความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ภารกิจองค์กร"
ในฐานะผู้นำด้าน Enterprise IT Solutions ที่ให้บริการลูกค้าองค์กรทั่วประเทศ QuickServ เห็นตรงกันว่า ภัยไซเบอร์สมัยนี้ไม่ได้โจมตีแค่ข้อมูล แต่โจมตี "ความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity)" หากองค์กรไม่มีระบบป้องกันและแผนฟื้นฟูที่ดีพอ ผลกระทบอาจลามถึงระดับ Supply Chain , ชื่อเสียง และมูลค่าหุ้นในตลาด
แนวทาง Cybersecurity ที่ QuickServ แนะนำ
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน QuickServ แนะนำให้องค์กรเร่งสร้างเกราะป้องกัน 3 ชั้น ดังนี้
1. Prevent - ป้องกันก่อนภัยมาถึง
• ใช้ระบบ Next-Gen Firewall, Endpoint Security, Email Protection
• ใช้นโยบาย Zero Trust Access สำหรับระบบภายใน
• สแกนช่องโหว่และอัปเดต Patch อย่างสม่ำเสมอ
2. Detect - ตรวจจับและตอบสนองอย่างรวดเร็ว
• ใช้โซลูชัน SIEM / XDR / SOC Service เพื่อเฝ้าระวังภัยแบบเรียลไทม์
• ใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีพฤติกรรมผิดปกติในเครือข่าย
3. Recover - ฟื้นตัวธุรกิจหลังการโจมตี
• มี Backup & Disaster Recovery System ที่แยกจากเครือข่ายหลัก
• ทดสอบการกู้คืนระบบ (DR Drill) เป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้จริง
QuickServ พร้อมช่วยองค์กรของคุณสร้างระบบป้องกันที่ยั่งยืน
เหตุการณ์ของทั้ง Asahi และ Red Hat ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "ไม่มีใครเล็กหรือใหญ่เกินไปที่จะถูกโจมตี" การเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ คือกุญแจสู่การดำเนินธุรกิจที่มั่นคงในยุคดิจิทัล QuickServ พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งระบบ Cybersecurity, Data Protection และ Business Continuity Solutions ครบวงจร สำหรับองค์กรทุกขนาด
• สนใจสั่งซื้อสินค้า Cyber Security คลิกที่นี่
Comments
0 comments
Please sign in to leave a comment.